ต้มแซ่บซี่โครงหมูอ่อน
http://www.tlcthai.com/education/wp-content/uploads/2014/10/hssPork-Ribs5.jpg
ต้มแซ่บซี่โครงหมูอ่อน แซ่บครบเครื่อง

        ต้มแซ่บซี่โครงหมูอ่อน Hot and Spicy Soup with Pork Ribs เมื่อเวลาไปทานอาหารในร้านอาหารอีสาน นอกจากจะสั่งส้มตำ ลาบ น้ำตกแล้ว เมนูที่พลาดไม่ได้ต้องกินคู่กันก็คงต้องเป็นต้มแซ่บซี่โครงหมูอ่อนถ้วยนี้ ด้วยรสชาติที่กลมกล่อมของน้ำแกง กับผิวสัมผัสของกระดูกหมูอ่อนเคี้ยวกรุบกรับพาเพลินยิ่งได้ซี่โครงอ่อนๆ มีเนื้อติดด้วยก็ยิ่งอร่อย นี่จึงเป็นอีกเมนูที่คุณควรลองทำ

 
http://www.tlcthai.com/education/wp-content/uploads/2014/10/hssPork-Ribs4.jpg

ต้มแซ่บซี่โครงหมูอ่อน

สําหรับ 1-2 ท่าน
เวลา 15 นาที (ต้มซี่โครง 1 ชั่วโมงขึ้นไป)

ส่วนผสม

1. น้ำ 2 1/2 ถ้วยตวง
2. ซี่โครงหมู 1 ถ้วยตวง
3. ข่าซอย 3 ช้อนโต๊ะ
4. ตะไคร้ 2-3 ต้น
5. หอมแดง 3-5 หัว
6. เห็ดภูฐานฉีก 1/2 ถ้วยตวง
7. มะเขือเทศหั่น 1-2 ลูก
8. พริกขี้หนูแห้งคั่ว 3-5 เม็ด
9. พริกคั่วป่น 1-2 ช้อนโต๊ะ
10. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
11. น้ำมะขาม 1 ช้อนโต๊ะ
12. น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
13. ผงลาบหรือข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
14. ผักชีฝรั่งซอย 1 ช้อนโต๊ะ
15. ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305018831.jpg

เตรียม กระดูกหมูก่อน สับเป็นท่อนยาวสัก 1 - 1 1/2 นิ้ว ล้างด้วยน้ำสะอาด พักให้สะเด็ดน้ำ อันนี้ไม่ได้ถ่ายไว้ เพราะเผลอแป๊ปเดียวพี่ที่ทำงานอีกคน เค้าเอาใส่หม้อต้มซะแล้ว เลยตามไปถ่ายตอนกำลังต้มคะ
เสร็จ แล้วนำมาต้มให้กระดูกหมูเปื่อย โดยตั้งน้ำให้เดือด แล้วใส่กระดูกหมูลงไป ใส่เกลือนิดหน่อย พอเริ่มเดือดอีกครั้งให้ลดไฟลง ใช้หม้อหุงข้าวต้ม พอเดือด เราก็ค่อย ๆ ช้อนฟองดำ ๆ ทิ้งไปจนน้ำใส

ต้มไปเรื่อย ๆ จนกระดูกหมูเปื่อย ประมาณ 30 นาที


 ระหว่างรอกระดูกหมูเปื่อย เราก็เตรียมเครื่องอื่น ปอกหอมแดง ถ้าอยุ่บ้านก็จะเอาไปคั่วหรือเผาก่อน แต่เราไม่ได้เผาเพราะต้มในที่ทำงานคะ ส่วนเครื่องอื่น ๆก็หั่นเตรียมไว้ค่ะ

http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305018877.jpg
http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305018894.jpg
http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305018917.jpg
http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305018938.jpg


พอเนื้อหมูเริ่มเปื่อยเราก็ใส่ซุบก้อนลงไป ตามด้วยเครื่องต้มยำทั้งหมด ยกเว้นผักชี 
ต้มอีกสัก นาที เราก็ใส่เห็ดฟาง ลงไป รอให้เดือดอีกครั้ง


http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305018991.jpg
http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305019063.jpg
http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305019080.jpg


เริ่มปรุงรส โดยใส่ พริกขี้หนูบุบ น้ำปลา น้ำพริกเผา พริกป่น ลงไป ชิม รสพอให้เค็มนิด ๆ ส่วนมะนาวเราจะปรุงในชาม เพื่อให้มีกลิ่นหอมคะ เสร็จแล้วใส่ผักชีใบเลื่อย และผักชีลงไป แบ่งไว้โรยหน้านิดหน่อย

http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305019129.jpg
http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305019152.jpg
http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305019175.jpg
http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305019193.jpg
http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305019216.jpg
http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305019238.jpg
http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305019256.jpg


พอจะรับประทาน เราก็บีบน้ำมะนาวใส่ชาม แล้วตักน้ำต้มแซบมาคน ๆ ให้เข้ากัน ลองชิมดูว่าเปรี้ยวเค็มพอไหม ถ้าไม่เค็มก็เติมน้ำปลา ถ้าไม่เปรี้ยวก็เติมมะนาว ตามใจชอบ แล้วก็ตักกระดูกหมูและเห็ดใส่ชามต่อเลยคะ ถ้ากลัวหก ไม่สะดวกปรุงให้ชาม ก็ปรุงเอาในหม้อนั่นแหละ ไม่ว่ากัน

http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305019351.jpg
http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305019370.jpg

โรยหน้าด้วยผักชี พริกขี้หนูแห้ง เค้าต้องเอาไปคั่วให้หอมก่อน แต่เราไม่สะดวก ก็เลยไม่ได้คั่วเช่นกันคะ โรยทั้งอย่างนั้นเลย


http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305019602.jpg
http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305019626.jpg
http://www.bloggang.com/data/baanbaitong/picture/1305019644.jpg






ข้อมูลจาก  http://www.tlcthai.com/education/knowledge-online/81442.html
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=baanbaitong&month=10-05-2011&group=9&gblog=60
ตับหวาน
http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2012/03/D11859008/D11859008-0.jpg

        วันนี้ขอนำเคล็ดลับการทำอาหาร ดีๆ มาให้ เหมือนเช่นเคย ซึ่ง เมนูอาหาร ของวันนี้คือ ตับหวาน อาหารชนิดนี้นั้น เป็นอีกหนึ่งจานโปรดที่นิยม รับประทาน นอกจากเรื่องของ แล้วก็ยัง เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เอาหละ ตอนนี้ทุกคนน่าจะพร้อม ที่จะเริ่มปรุงเมนูนี้กันแล้ว มาดูกันเลยว่า จานเด็ดของเราวันนี้นั้น มีวิธีทำ และ เครื่องปรุง ที่เราจะใช้ในการทำอาหาร อะไรบ้าง รับรองเลยว่า รสชาติเยี่ยม ไม่แพ้แม่ช้อยนางรำ มาทำให้กิน แน่นอน

http://i547.photobucket.com/albums/hh474/NindHua/primoposto_19112009/PB196399.jpg


ส่วนผสม

* ตับหมู (หรือตับวัว) 200 กรัม
* ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
* พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
* ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
* ใบสาระแหน่ 1/2 ถ้วยตวง

* หอมแดงซอย 4 ลูก


วิธีทำ
  • ขั้นตอนที่ 1
    นำตับหมูล้างให้สะอาด หั่นชิ้นบาง ๆ พอคำ

  • นำตับหมูล้างให้สะอาด หั่นชิ้นบาง ๆ พอคำ
    http://www.foodnetworksolution.com/uploads/cookbook/step/PA244172.jpg
    ขั้นตอนที่ 2
    ลวกในน้ำเดือดจัดพอสุก

  • ลวกในน้ำเดือดจัดพอสุก
    http://www.foodnetworksolution.com/uploads/cookbook/step/PA244174.jpg

  • ขั้นตอนที่ 3
    นำตับใส่อ่างผสม ปรุงด้วยข้าวคั่ว พริกป่น หอมแดง น้ำปลา น้ำมะนาว ต้นหอม เคล้าให้เข้ากัน ชิมรส

  • นำตับใส่อ่างผสม ปรุงด้วยข้าวคั่ว พริกป่น หอมแดง น้ำปลา น้ำมะนาว ต้นหอม เคล้าให้เข้ากัน ชิมรส
    http://www.foodnetworksolution.com/uploads/cookbook/step/PA244179.jpg


  • ขั้นตอนที่ 4
    เวลารับประทาน ตักใส่จาน โรยด้วยสะระแหน่ พริกขี้หนู รับประทานกับผักสด

  • เวลารับประทาน ตักใส่จาน โรยด้วยสะระแหน่ พริกขี้หนู รับประทานกับผักสด
    http://www.foodnetworksolution.com/uploads/cookbook/step/PA244184.jpg







ข้อมูลจาก  http://www.foodnetworksolution.com/cookbook/item/0025/%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9
 ลาบหมู 


http://www.jadtem.com/wp-content/uploads/2011/10/%E0%B8%A5%
E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9.jpg

          ในเมื่อมีเมนูส้มตำแบบเบา ๆ แล้วแล้วก็มาเติมเต็มความอิ่มกันด้วยเมนูลาบหมูสักหน่อย อีกหนึ่งเมนูที่จะขาดไปไม่ได้เลยกับเสน่ห์กลิ่นข้าวคั่วหอม ๆ เคล้ากับเนื้อหมูรวนสุก โรยใบสะระแหน่ จกกับข้าวเหนียว หรือข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยนักแล ยิ่งในสมัยนี้ทำกินเองง่ายมาก ๆ เพราะมีผงปรุงลาบ-น้ำตกวางขายกันให้เกลื่อน !

http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/lab-moo/lab-moo-06.JPG


สิ่งที่ต้องเตรียม

เนื้อหมูสับ 200 กรัม
หอมแดงซอย 1 หัว
ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ
ใบสะระแหน่ สำหรับโรยหน้า
น้ำปลา น้ำตาลทราย และน้ำมะนาว สำหรับปรุงรส
พริกป่น ปริมาณตามชอบ
ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ



วิธีทำ

         เลือกใช้เนื้อหมูติดมันมาสับเองอ่ะค่ะ  โดยเนื้อหมูส่วนที่พิมเลือกใช้ก็คือ หมูสันคอ + สามชั้นที่มันน้อยๆ  เพราะหมู 2 ส่วนนี้มีความนุ่มแล้วก็ยังติดมันเล็ก ๆ เวลาเอามาทำลาบแล้ว อร่อยมากค่ะ  .. แต่ถ้าไม่สะดวกสับเอง จะใช้หมูบดก็ได้เหมือนกันนะคะ  แต่ขอเป็นแบบบดหยาบหน่อย ถ้าบดละเอียดเวลาเอามารวน มันจะค่อนข้างเป็นเลนอ่ะค่ะ ... ภาพหมูสับพิมไม่ได้ถ่ายเฉพาะมาให้ดูนะคะ ยังไงถ้าใครไม่รู้ว่าพิมสับละเอียดแค่ไหน ดูได้จากในภาพส่วนผสมด้านบนเลย

        ต่อมาก็ข้าวคั่ว ..... สำหรับข้าวคั่วเนี่ย เพื่อนๆ สามารถจะใช้ข้าวเหนียวหรือข้าวเจ้าก็ได้  แต่ว่าข้าวคั่วจากข้าวเหนียวมันจะไม่ค่อยดูดน้ำเหมือนข้าวเจ้าอ่ะนะคะ  เพราะงั้นพิมก็เลยนิยมใช้ข้าวคั่วที่ทำจากข้าวเหนียวมากกว่า ส่วนวิธีคั่วข้าวคั่ว

ใครจะใช้หอมแดงธรรมดา หรือหอมแดงลูกใหญ่หน่อยที่เรียกว่าหอมยำก็ได้นะคะ  ตามแต่จะชอบ  แต่พิมขอใช้หอมแดงเพราะว่ามีอยู่ติดบ้านแล้วอ่ะค่ะ  สำหรับหอมแดงนี่ก็ให้ล้างน้ำ ปอกเปลือก  (หรือจะปอกก่อนล้างก็ได้) แล้วซอยบาง ๆ ไว้นะคะ  (แต่ไม่ต้องบางมาก)

http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/lab-moo/lab-moo-08.jpg

มะนาว ... ล้างสะอาด ผ่าแต่ละลูกเป็น 3 ส่วน คั้นเอาไว้แต่น้ำ   (พิมใช้มากกว่า 4 ลูก เพราะแต่ละลูกไม่ค่อยมีน้ำเลยค่ะ)

http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/lab-moo/lab-moo-09.jpg

สะระแหน่ ... ล้างสะอาด เด็ดไว้เป็นใบ ๆ / ต้นหอม ผักชีฝรั่ง ... ตัดราก ดึงใบเหลืองออก ตัดปลายใบทิ้ง ล้างสะอาด แล้วหั่นไว้หยาบๆ ค่ะ

http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/lab-moo/lab-moo-10.JPG

เมื่อเตรียมเครื่องต่างๆ  เสร็จก็มาลงมือทำกันเลยค่ะ  ... เริ่มต้นด้วยการเอาหมูสับใส่หม้อใบเล็ก ๆ สักใบ เติมน้ำซุปลงไป  เอาหม้อขึ้นตั้งไฟใช้ไฟกลางๆ  รวนหมูจนหมูสุกดีก็ดับไฟเตา  ยกหม้อลง
 
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/lab-moo/lab-moo-07.jpg


       จากนั้นก็เติมน้ำมะนาว น้ำปลา พริกป่น และข้าวคั่วลงไปในหมูสับที่รวนสุกแล้ว    (ส่วนผสมแต่ละอย่างไม่ว่าจะเป็นน้ำมะนาว น้ำปลา พริกป่น  ใส่ไปยังไม่ต้องหมดก็ได้ค่ะ เหลือไว้อย่างละหน่อยก็ดี เผื่อรสจัดไป จะได้แก้ไขไม่ยากอ่ะค่ะ)

        ป.ล. สำหรับพริกป่นเนี่ย ถ้าชอบให้ลาบมีสีจัด ๆ แต่ไม่เผ็ดมาก ก็ใช้พริกแห้งเม็ดใหญ่อย่างเดียวมาคั่วนะคะ  แต่ถ้าชอบสีสวยด้วย เผ็ดด้วย ก็เอาพริกแห้งเม็ดใหญ่ผสมพริกขี้หนูแห้งมาคั่วรวมกันค่ะ  แต่ถ้าชอบเผ็ดจัดๆ กลิ่นร้อนแรง สีไม่ต้องเข้มนักก็ได้  ก็ใช้พริกขี้หนูแห้งอย่างเดียวเลยนะคะ
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/lab-moo/lab-moo-11.jpg


คนให้เข้ากันดี ชิมรสตามชอบค่ะ  อ่อนเปรี้ยวไปเติมน้ำมะนาว  อ่อนเค็มเติมน้ำปลา  อ่อนเผ็ดก็เติมพริกป่นนะคะ ^^
 
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/lab-moo/lab-moo-12.JPG


และเมื่อชิมรสได้ตามชอบแล้ว ก็ใส่ผักทั้งหมดลงไป
 
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/lab-moo/lab-moo-13.JPG


คนให้เข้ากันอีกที เป็นอันใช้ได้ล่ะค่ะ ...... เ
 
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/lab-moo/lab-moo-14.JPG


เท่านี้เราก็จะได้ลาบสุดแสนอร่อยมาทานแล้วค่ะ
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/lab-moo/lab-moo-19.JPG



https://www.youtube.com/watch?v=c-CcINbj14w




ข้อมูลจาก  http://www.pim.in.th/side-dish-by-pork/532-2011-12-22-17-31-15

 คอหมูย่างน้ำผึ้ง จิ้มแจ่วแซบสะเดิด

http://www.klongdigital.com/images_webboard3/id_52122_5.jpg

               คอหมูย่างน้ำผึ้ง จิ้มแจ่วแซบสะเดิด อาหารประเภทย่าง เป็นอีกหนึ่งเมนูการทำอาหารง่าย ๆ ไม่มีขั้นตอนอะไรยุ่งยากสูตรอาหาร คอหมูย่าง เมนูอาหารอีสานสไตล์ง่ายๆ เนื้อคอหมูหมักจนได้ที่ย่างให้สุกเหลืองสวย ทานคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ด แซบ! สะใจ ขั้นตอนทำง่าย ส่วนผสมไม่มากนัก. คอหมูอย่างจะอร่อยสมบูรณ์แบบ ก็จะต้องไปด้วยกันกับน้ำจิ้มรสแซ่บกับสูตรการหมักคอหมูย่างอย่างพิถีพิถันเหมือนพระเอกกับนางเองนั่นเอง

http://www.esanguide.com/cms/data/news/thumbnail/l/2278-1.jpg

http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/grilled-spicy-pork-shoulder/grilled-spicy-pork-shoulder-07.JPG

ส่วนผสมและสูตรหมักคอหมูย่าง
1.เนื้อสันคอ ชิ้นกลางๆ 1 ชิ้น หรือ 500 กรัม
2.ซอสปรุงรส (น้ำมันหอย) 2 ช้อนโต๊ะ
3.เกลือ 1  ช้อนชา
4.น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
5.น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
6.นมข้นจืด 1/4 ถ้วย
7.พริกไทยเม็ดโขลกละเอียด 1 ช้อนชา
8.กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
9.ผักชีสับละเอียด 1 ต้น
10. ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมน้ำจิ้ม
1.พริกป่น หรือ พริกขี้หนูสวน 1 ช้อน
2.กระเทียม 1 หัว
3.น้ำปลา 2 ช้อน
4.น้ำมะนาว หรือ น้ำมะขาม 2 ช้อน
5.น้ำตาลทราย 1/2 ช้อน
6.ผักชีหอม 1 ช้อน


วิธีทำ

เริ่มต้นเราก็มาดูเนื้อหมูที่เราจะใช้กันก่อนนะคะ   .. โดยปกติถ้าจะทำอะไรย่างๆ  สไตล์นี้ เค้าก็หมักจะใช้คอหมูกัน  แต่เพื่อหลีกเลี่ยงไขมันที่เยอะเกินไป (เนื่องจากว่าพิมก็มีเยอะแล้ว ฮ่ะๆ)  เพราะงั้นขอไปใช้สันคอหมูแทนนะคะ ซึ่งเมื่อทำเสร็จออกมาแล้ว นุ่มอร่อยไม่แพ้กับคอหมูเลยค่ะ 

สันคอหมูที่พิมใช้ในวันนี้เนี่ย พิมใช้ประมาณ 300 กรัมค่ะ  ก็เอาสันคอมาทำความสะอาดสักหน่อย แล้วก็ค่อยเอามาแล่เป็นชิ้นให้แต่ละชิ้นหนาประมาณ 1 ซม. นะคะ (พิมแล่ได้ 3 ชิ้น) ... และก็พักไว้ก่อน
 
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/grilled-spicy-pork-shoulder/grilled-spicy-pork-shoulder-08.JPG


ต่อมาก็มาผสมซอสสำหรับหมักหมูกันค่ะ  ก็จะมีนมข้นจืด น้ำตาลทราย (ใช้น้ำตาลปี๊บแทนได้ค่ะ)  พริกป่น ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส และก็น้ำมันหอย ... เทใส่รวมกันในกาละมังใบย่อม ๆ หรือชามใบใหญ่ ๆ เลยนะคะ
 
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/grilled-spicy-pork-shoulder/grilled-spicy-pork-shoulder-09.jpg

แล้วก็คนทั้งหมดให้เข้ากันดี  และก็คนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งน้ำตาลละลายหมดไม่เหลือเป็นเม็ดค่ะ
 
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/grilled-spicy-pork-shoulder/grilled-spicy-pork-shoulder-10.JPG


แล้วก็ค่อยเอาหมูที่เราแล่ไว้เป็นชิ้นแล้วใส่ลงไป   จัดการใช้มือขยำ ๆ ให้หมูกับซอสหมักเข้ากันดี  (ขยำแรง ๆ ก็ได้ค่ะ) .......  และก็หมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
 
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/grilled-spicy-pork-shoulder/grilled-spicy-pork-shoulder-11.JPG
 
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/grilled-spicy-pork-shoulder/grilled-spicy-pork-shoulder-12.JPG

พอใกล้ ๆ ครบ 30 นาที  เราก็มาจัดการก่อเตาถ่านสำหรับที่จะใช้ย่างหมูกันค่ะ  (ใช้ถ่านก้อนเล็กๆ นะคะ หรือถ่านเกือบ ๆ จะป่นก็ได้)  ..... และพอครบ 30 นาที เราก็เอาหมูจากในกาละมังลงมาย่างบนเตา   เวลาย่างให้ใช้ไฟกลางๆ นะคะ คือใช้ขี้เถ้ากลบถ่านตรงส่วนแดง ๆ บ้าง แต่ให้ยังเหลือเปลวไฟอยู่  เพราะหากย่างไฟอ่อนไป  กว่าเนื้อหมูด้านในจะสุก เนื้อหมูด้านนอกก็จะแห้งและแข็งเกินไป  กินไม่อร่อยอ่ะค่ะ  แต่ถ้าหากย่างไฟแรงเกิน ประเภทเปลวไฟลุกโชติช่วง  หมูก็อาจจะไหม้ก่อนสุกได้นะคะ 
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/grilled-spicy-pork-shoulder/grilled-spicy-pork-shoulder-13.JPG


และพอตอนใกล้ ๆ หมูจะสุก   เพื่อให้ผิวด้านนอกของเนื้อหมูดูชุ่มฉ่ำน่าทาน  ก็ให้เราเอาเอาที่คีบ .... คีบชิ้นหมูจากบนเตา ลงไปคลุกกับซอสหมักที่ยังหลงเหลืออยู่ในกาละมังให้ทั่ว ๆ ทั้งสองด้าน  แล้วเอาขึ้นย่างอีกรอบ   ... ซึ่งช่วงที่เอาขึ้นย่างรอบนี้ ให้ใช้คีมคีบถ่านเขี่ยถ่านให้แรงขึ้น เพื่อให้ซอสหมักหมูแห้งโดยไวอ่ะค่ะ   (แต่ไม่ต้องให้แห้งมาก แค่พอรู้สึกว่ามันหนืดมากขึ้นก็พอ)

ป.ล. วิธีเช็คดูว่าเนื้อหมูใกล้สุกหรือยัง  ให้ใช้ปลายนิ้วชี้ของเรา กดเบาๆ ลงไปบนเนื้อหมู (บนเตา) ส่วนที่หนาที่สุด  หากรู้สึกว่ายังนิ่มมากอยู่ แสดงว่าหมูยังไม่สุก  แต่ถ้ารู้สึกว่าเนื้อหมูเริ่มแข็ง ๆ แล้ว  แต่ยังมีนิ่มนิด ๆ  แสดงว่าใกล้สุกแล้วค่ะ

ป.ล. ใครไม่สะดวกใช้เตาถ่าน จะใช้เตาย่างแบบไฟฟ้าก็ได้นะคะ   แต่ไม่แนะนำให้เอาไปทอดเพราะว่าจะออกมาไม่สวย และไม่อร่อยเท่าแบบย่างอ่ะค่ะ
 
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/grilled-spicy-pork-shoulder/grilled-spicy-pork-shoulder-14.JPG


และเมื่อย่างเสร็จแล้ว ... เราก็จะได้สันคอหมูย่างรสเด็ดหน้าตาแบบนี้นะคะ  ขอบอกว่าอร่อยมากเลยค่ะ (สำหรับพิมและครอบครัวนะ) ^^ รสชาติเค้าจัดจ้านมาก  และตัวหมูก็นุ่มสุดๆ  ... สามารเอาไปกินกับข้าวสวย (แอ้มพวกแกงเผ็ดต่างๆ)  หรือกินกับข้าวเหนียว  กินกับอาหารอิสานจำพวกลาบ น้ำตก ส้มตำ ซุปหน่อไม้ อ่อมต่างๆ  ก็อร่อยมากเช่นกันค่ะ   และหากใครอยากกินแบบฝรั่ง สามารถแล่หมูให้เป็นชิ้นบางกว่านี้  และหมักในระยะเวลาที่สั้นกว่านี้  เอาไปย่างแป๊บเดียว แล้วเอามาสอดไส้ทำเป็น spicy pork burger  อย่างนี้ก็ได้อ่ะค่ะ 
 
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/grilled-spicy-pork-shoulder/grilled-spicy-pork-shoulder-04.JPG


สำหรับพิมเวลาจะกิน ก็มักจะเอาหั่นซะหน่อยให้เป็นชิ้นพอคำ (ใหญ่) จะได้กินง่าย ๆ แบบนี้ แต่ถ้าเป็นคุณสามีพิมเหรอค่ะ  เค้าชอบกินแบบเสต๊กค่ะ ประมาณว่าเอามาชิ้นใหญ่ ๆ เลยพร้อมมีด เดี๋ยวเค้าแล่เอง  ...  เค้าว่าอร่อยและได้อารมณ์กว่ากันเยอะจ้า  .... ยังไงหากเพื่อน ๆ เอาไปลองทำดูแล้ว ชอบแบบไหนก็มาบอกเล่ากันบ้างนะคะ ^^

ป.ล. สำหรับคนที่ไม่ชอบทานเผ็ด ให้เปลี่ยนจากพริกขี้หนูแห้งคั่วป่น เป็นพริกไทยดำคั่วบดหยาบสัก 1/2 ชต. แทนนะคะ
 
http://www.pim.in.th/images/all-side-dish-pork/grilled-spicy-pork-shoulder/grilled-spicy-pork-shoulder-15.JPG

https://www.youtube.com/watch?v=aGH-1k-anZw



ข้อมูลจาก  http://www.pim.in.th/side-dish-by-pork/357-grilled-spicy-pork-shoulder
 ส้มตำปูปลาร้า

http://www.bloggang.com/data/morkmek/picture/1358846649.jpg


        ส้มตำปูปลาร้า วันนี้รู้สึกเปรี้ยวๆปากอยากกินส้มตำเลยไปหาสูตรการทำส้มตำมาฝาก มะละกอสับหยาบๆ เวลาเคี้ยวแซบคัก ที่ถูกตำเข้ากับเครื่องต่างๆ ทำให้ได้รสชาติ เปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด ครบทุกรส กินเปล่าๆหรือทานกับข้าวเหนียวก็เข้ากันได้ดี ไปเบิ่งวิธีการตำบักหุ่งกัน
 
http://ja.files-media.com/image/1/2/img_1503uP6rY_328x328.jpg


ส่วนประกอบและเครื่องปรุง

1.มะละกอดิบหั่นฝอย 2 ถ้วยตวง
2.ถั่วฝักยาว 1/2 ถ้วยตวง (หั่นความยาวประมาณ 1 )
3.แครอทหั่นฝอย 1/2 ถ้วยตวง (สูตรอีสานแท้ ๆ ไม่ใส่เด้อ)
4.น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ (ถ้าเป็นสูตรอีสานแท้ๆ ไม่ใช้น้ำตาล)
5.น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
6.มะเขือเทศ 1/2 ถ้วยตวง (หั่นครึ่ง)
7.พริกแห้งหรือพริกสด 3-5 เม็ด เผ็ดตามใจมัก
8.กระเทียมสด 5 กลีบ
9.ถั่วฝักยาวหั่น 5 ชิ้น
10.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
11.ปูนา หรือปูทะเล 1 ตัว
12.น้ำปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ
13.น้ำมะขามเปียก


วิธีทำส้มตำปูปลาร้า

1. ปลอกมะละกอ และล้างด้วยน้ำให้สะอาด แล้วทำการเฉาะและสับ แล้วใช้มีด ฝานให้เป็นเส้นๆ หรืออาจใช้ที่ไสมะละกอแทน
http://www.bloggang.com/data/kesornmart/picture/1278986230.jpg

2. ใส่กระเทียมและพริกขี้หนู ลงในครก แล้วตำให้พอแตก แล้วตามด้วยถั่วฝักยาว ตำให้แหลก

http://upic.me/i/v0/wpwo6.jpg

3. ใส่มะเขือเทศ น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำปลาร้า แล้วตำให้เข้ากัน
https://encrypted-tbn1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcT773x3p3vDMGSjzwU1q0E9rPhLMKdG47CerfEq1dK2Kp7YeGOWog

4. ใส่มะละกอ แล้วตามด้วยปูดอง(ดึงกระดองปูด้านในทิ้งก่อน)แล้วตำเบาๆ คลุกเคล้าให้เข้ากัน 5. ชิมแล้วปรุงจนชอบ ตักใส่จานทานพร้อมผักสด

http://www.thaicuisinenetwork.com/dbimg_step/PA243998.jpg
http://amazingthaifood.tourismthailand.org/food_photo/m6_01.jpg





ข้อมูลจาก  http://sv5.postjung.com/wb/674031.html